วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

น้ำมันปลา หรือ Fish Oil ให้ประโยชน์สารพัด

น้ำมันปลา

น้ำมันปลาเป็นสารอาหารประเภทไขมัน ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันในกลุ่ม Omega-3 Polyunsaturated Fatty Acid ซึ่งมีกรดไขมันที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ  
1.สาร EPA  จัดเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งชนิดเรียง n-3 มีชื่อเรียกในระดับนานาชาติว่า IPA เป็นสารที่ต้องได้รับจากภายนอก ร่างกายไม่สามารถสร้างเอง หากทานอาหารที่มีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบชนิดที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟา-ไลโนเลนิคแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนเป็กรด EPA ได้เอง แหล่งที่มีเป็นพิเศษได้แก่ ในปลาที่มีไขมันสูง มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการแข็งตัวของเลือดโรคต่างๆในผู้สูงอายุ และช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น เป็นต้น

หากได้รับ EPA ไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้
  • ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • เลือดจับตัวกันง่าย มีแนวโน้มเกิดอาการต่างๆกับระบบหลอดเลือดหัวใจ เช่นอาการหลอดเลือดแข็งตัว เป็นต้น
  • ไขมันเป็นกลางในเลือดมากขึ้น เกิดอาการไขมันในเลือดสูง
  • คลเลสเตอรอลชนิดร้ายมีเพิ่มขึ้น
  • มีโอกาสเป็นโรคกระเพาะง่ายขึ้น
  • เป็นภูมิแพ้ง่ายขึ้น
การได้รับ EPA เพียงพอ จะส่งผลดีต่อร่างกายดังนี้
  • ป้องกันอาการหลอดเลือดในสมองแตก
  • ป้องกันและบรรเทาความดันโลหิตสูง
  • ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว หลอดเลือดหัวใจแข็งตัว ป้องกันการเกิดไขมันในเลือด และบรรเทาอาการดังกล่าว
  • ป้องกันการแพร่กระจาย การเกิดเซลล์มะเร็ง(มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม เป็นต้น)
  • ป้องกันอาการต่างๆจากภูมิแพ้ และช่วยให้อาการทุเลา
  • ป้องกันและบรรเทาอาการอักเสบต่างๆ เช่น ไขข้ออักเสบ
EPA เหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้
 ผู้ที่มีคลเลสตอรอล ไขมันเป็นกลาง ความดันโลหิตสูง,ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ทางผิวหนัง เช่น atopic dermatitis,ผู้ที่มีอาการอักเสบต่างๆ ,ผู้ที่บริโภคเนื้อที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ

2.สาร DHA เป็นกรดไขมันหลายตำแหน่งชนิดเรียง n-3 เมื่อร่างกายได้รับกรดอัลฟา-ไลโนเลนิค จะเปลี่ยนเป็น EPA แล้วจึงรวมตัวเป็น DHA พบมากในไขมันปลาเช่นเดียวกับ EPA ช่วยลดคลเลสตอรอลชนิดร้ายและเพิ่มคลเลสเตอรัลชนิดดี นออกจากนี้ยังช่วยป้องกันและบรรเทาอาการต่างๆที่มักเกิดขึ้นกับคนในยุคนี้

หากได้รับ DHA ไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนี้
  • ประสิทธิภาพการเรียนการจดจำลดลง
  • เลือดแข็งตัวง่ายขึ้น เป็นลิ่มเลือดง่ายขึ้น
  • ความดันโลหิตสูง
  • คอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น
  • ไขมันเป็นกลางเพิ่มขึ้น
  • มีอาการอักเสบง่ายขึ้น
การได้รับ DHA เพียงพอ จะส่งผลดีต่อร่างกายดังนี้
  • ป้องกันเส้นเลือดในสมองแตก
  • ป้องกันอาการหลงลืม
  • ป้องกันเลือดแข็งตัว
  • ป้องกันอาการหัวใจตีบ หัวใจอุดตัน
  • ป้องกันและบรรเทาอาการลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง
  • ป้องกันและบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ
DHA เหมาสำหรับบุคคลต่อไปนี้
ผู้มีไขมันเป็นกลาง ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง,ผู้มีอาการอักเสบเรื้อรังต่างๆ,ผู้ที่ทานเนื้อหรือทานอาหารผ่านกรรมวิธีการผลิตต่างๆ,ผู้ที่ต้องการป้องกันอาการหลงลืมในผู้สูงอายุ,ผู้ที่ต้องการป้องกันโรคมะเร็ง

น้ำมันปลา….. ลดอาการข้อเสื่อม ข้อรูมาตอยด์
รายงานเกี่ยวกับน้ำมันปลาต่ออาการข้อเสื่อม (Osteoarthritis) และข้อรูมาตอย์ (Rheumatoid arthritis) พบว่าน้ำมันปลามีผลลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบของข้อ เช่น Interleukin-1, Tumor necrosis factor และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ในน้ำมันปลา ยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างสาร PGE 3 ซึ่งช่วยลดอาการอักเสบของข้อ โดยรายงานการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Surgical Neurology ระบุว่าน้ำมันปลาสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดคอ หรือปวดหลังเรื้อรัง โดยทำการศึกษากับผู้ป่วย 250 คน รับประทานน้ำมันปลาวันละ 2.6 กรัม ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นลดปริมาณลงเหลือวันละ 1.2 กรัม พบว่าหลังจากรับประทานน้ำมันปลา 75 วัน ผู้ป่วยประมาณ 59% สามารถเลิกรับประทานยาแก้ปวดต่างๆ ผู้ป่วยประมาณ 60% พบว่าอาการปวดหลังและปวดคอลดลง และผู้ป่วยกว่า 88% รู้สึกพึงพอใจกับผลที่ได้รับและยืนยันที่จะรับน้ำมันปลาต่อ
ผลการศึกษาจาก Harvard Medical School ได้ทำการรวบรวมผลการศึกษาจาก 10 การศึกษา ในผู้ป่วยไขข้ออักเสบ 368 ราย ที่รับประทานน้ำมันปลา พบว่าช่วยลดอาการเจ็บและข้อติดตรึงในตอนเช้า
ดังนั้นการรับประทานน้ำมันปลาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่มี ปัญหาเกี่ยวกับข้อเสื่อม ข้ออักเสบเรื้อรังเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด แทนที่การรับประทานยาแก้ปวด NASIDs ซึ่งจะมีผลข้างเคียงต่อกระเพาะอาหาร ตับ และไตค่อนข้างมาก

น้ำมันปลา…..สำคัญต่อระบบสมอง
  1. ลดเซลล์สมองเสื่อม ป้องกันโรคสมองเสื่อม จากการศึกษาพบว่า 40% ของกรดไขมันในสมอง และ 60% ของกรดไขมันในประสาทตา คือ DHA (Docosahexaenoic Acid) ทำให้กรดไขมัน DHA ในน้ำมันปลา มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นต่อสมอง ผลวิจัยทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัย UCLA ของอเมริกา พบว่าการรับประทานน้ำมันปลาช่วยป้องกันสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ (Azheimer) ได้ เนื่องจากการศึกษาเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ในคนสูงอายุกว่า 1,000 คน เป็นเวลา 10 ปี พบว่าระดับ DHA ที่ลดต่ำลงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม
    และยังพบว่าสำหรับคนไข้อัลไซเมอร์ DHA จะช่วยเพิ่มสาร LH11ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นตัวช่วยลดการเกิดการสร้าง plaques (เส้นใย หรือ ไฟบริล) ในสมอง ซึ่งเป็นตัวการที่ทำลายใยประสาทส่วนความจำ คนสูงอายุที่มีการสร้างสารนี้เยอะจะทำให้ความจำเสื่อม และหลงลืม
  2. ลดภาวะซึมเศร้า จากการวิจัยพบว่าผู้ที่บริโภคปลาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีอัตาเป็นโรคซึมเศร้าต่ำ เพราะสมดุลของกรดไขมันในร่างกายมีผลต่อความรุนแรงในการเกิดโรคซึมเศร้า คนที่มีระดับของกรดไขมันโอเมก้า-3 ต่ำ และโอเมก้า-6 สูง จะมีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าปกติ ซึ่งการรักษาคนไข้ซึมเศร้าในโรงพยาบาลพบว่า DHA ให้ผลในการรักษาอย่างมีนัยสำคัญ
น้ำมันปลา…..หลากหลายประโยชน์ต่อสุขภาพ
  1. เบาหวาน เบาหวานที่พบบ่อย คือ เบาหวานชนิดที่สองที่มักพบในผู้ใหญ่ที่อ้วน ซึ่งนักวิจัยชาวเนเธอร์แลนด์ค้นพบว่า กรดไขมัน EPA ในน้ำมันปลา จะช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้นในผู้ป่วยเบาหวาน
  2. ปวดไมเกรน กรดไขมัน EPA ในน้ำมันปลา จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสารพรอสตาแกลนดิน และลดการหลั่งสารซีโลโทนิน ทำให้การเกาะตัวของเกร็ดเลือดลดลงในระยะที่มีการบีบตัวของหลอดเลือดในสมอง ลจึงมีส่วนช่วยลดอาการไมเกรนได้
  3. หอบหืด การรับประทานน้ำมันปลาจะช่วยลดสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ที่เป็นตัวการสำคัญให้เกิดอาการของหอบหืดขึ้น คือ สารลิวโคไตรอิน และพรอสตาแกลนดิน ดังนั้นการรับประทานนักมันปลาอย่างต่อเนื่องจากช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้
ที่มา : หนังสือคัมภีร์สุขภาพ
ข้อมูลจากสถาบันโภชนาการแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา พบว่าคนทั่วไป ได้รับ EPA+DHA วันละไม่เกิน 100 มก. ขณะที่ปริมาณแนะนำต่อวันคือ 500 มก. ต่อวัน
fish oil น้ำมันปลา
ส่วนประกอบสำคัญ น้ำมันปลา 1000 มก. 1 แคปซูล
EPA    180 มก.
DHA   120 มก.
วิตามินอี 1.3 มก.
วิธีรับประทาน ครั้งละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร วันละ 1-2 ครั้ง
ขนาด 500 มก. 100 แคปซูล ราคาเต็ม 400 บาท /ราคาสมาชิก 320 บาท
ขนาด 1000 มก. 100 แคปซูล ราคาเต็ม 680 บาท/ราคาสมาชิก 544 บาท
สนใจสั่งซื้อโทร 081-9528-462

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น